ประวัติวรรณคดีไทย สมัยสุโขทัย (ไตรภูมิพระร่วง)
ไตรภูมิพระร่วง
ไตรภูมิพระร่วง เดิมเรียกว่า
ไตรภูมิกถาหรือเตมูมิกถามาเปลี่ยนเป็นไตรภูมิพระร่วง เมื่อ พ.ศ. 2455 ฉบับที่นำมาพิมพ์เป็นฉบับที่ได้มาจากการจารในสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี
พระมหาช่วยวัดปากน้ำ สมุทรปราการเมื่อ พ.ศ. 2321
ผู้แต่ง พระมหาธรรมราชาลิไท
เวลาที่แต่ง ราว พ.ศ. 1890-1919
ทำนองแต่ง ร้อยแก้ว
ความมุ่งหมาย เพื่อเทศนาถวายพระราชมารดา
สั่งสอนประชาชน
เนื้อเรื่อง กล่าวถึงเรื่องในไตรภูมิพระร่วง คือ กามภูมิ รูปภูมิ และอรูปภูมิ ซึ่งเป็นดินแดนที่สัตว์ทั้งหลายต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภูมิเหล่านี้
กามภูมิ
แบ่งเป็น 11 ชั้น คือ นรกภูมิ
เปรตภูมิ อสุรกายภูมิ ติรัจฉานภูมิ มนุษยภูมิ จาตุมหาราชิก ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต
นิมมานนรดี ปรมินมิตวัสวัตตี
รูปภูมิ
ที่อยู่ของพรหมมี 16 ชั้น
อรูปภูมิ
ที่อยู่ของพรหมไม่มีรูปร่าง มีแต่สัญลักษณ์ 4 ชั้น
คุณค่า 1. ด้านอักษรศาสตร์
ภาษาที่ใช้ในไตรภูมิพระร่วง
เป็นภาษาเก่าจึงอาจใช้เป็นเครื่องมือในการสอบสวนภาษาได้
เป็นต้นเค้าที่หนังสือในสมัยหลังกล่าวถึงช่วยให้เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ในวรรณคดีได้ดีขึ้น
เช่น สัตว์ในวรรณคดี ครุฑ นาค ราชสีห์ สวรรค์ชั้นต่างๆ เป็นต้น หนังสือที่กล่าวถึงเรื่องราวเหล่านี้
เช่น ลิลิตโองการแช่งน้ำ กากีคำกลอน เป็นต้น
นอกจากนี้ยังเป็นหนังสือเล่มแรกในวรรณคดีไทยที่เรียบเรียงขึ้นด้วยลักษณะค้นคว้าโดยสมบูรณ์
แจ้งที่มาของหนังสือที่ค้นนั้นด้วย
2.
ด้านศาสนา ในเรื่องนี้สอนให้คนรู้จักบาปบุญ โดยการพรรณนานรกอย่างละเอียดลออว่าใครทำผิดอย่างไรต้องตกนรกขุมไหน
ถ้าใครทำดีได้ขึ้นสวรรค์ซึ่งพรรณนาไว้อย่างงดงาม เป็นเครื่องล่อผู้อ่านในสมัยนั้น
ตัวอย่าง ตอนพรรณนาเปรต
“ เปรตลางจำพวกตัวเขาใหญ่ปากเขาน้อยเท่ารูเข็มนั้นก็มีๆ
เปรตลางจำพวกผอมนักหนาเพื่ออาหารจะกินบมิได้ แม้นว่าจะขอดเอเนื้อน้อย 1 ก็ดี เลือดหยด 1 ก็ดี บมิได้เลย
เท่าว่ามีแต่กระดูกแลหนังพอกกระดูกภายนอกอยู่ไส้
หนังท้องนั้นเหี่ยวติดกระดูกสันหลัง แลตานั้นลึกและกลวงดังแส้งควักเสีย
ผมเขานั้นยุ่งรุ่ยร่ายลงมาปกปากเขา มาตรว่าผ้าร้ายน้อย 1 ก็ดี
แลจะมีปกกายเขานั้นก็หาบมิได้เลย เทียรย่อมเปลือยอยู่ชั่วตน
ตอนพรรณนาสวรรค์ชั้นดุสิต
ชั้นอันชื่อดุสิตสวรรค์นั้นๆ
มีปราสาทแก้ว ปราสาทเงิน และปราสาททองเป็นวิมาน
แลมีกำแพงแก้วล้อมรอบโดยกว้างโดยสูง โดยงามนั้นยิ่งกว่าปราสาททอง
เทพยดาทั้งหลายอันอยู่ชั้นยามานั้น แลมีบรรณาการทุกสิ่ง คือ
สระแลสวนดุจกับชั้นฟ้าทั้งหลายแลฯ อันว่าเทพยดาอันเป็นพระญาแก่เทพยดาทั้งหลายในชั้นนั้นแลธชื่อพระโพธิสัตว์เจ้าผู้สร้างสมภารอันจะลงมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้าไส้
เทียรย่อมสถิตในชั้นฟ้านั้นแลฯ บัดนี้พระศรีอริยเมไตรเจ้าผู้จะได้ได้ลงมาตรัสเป็นพระพุทธเจ้าภายหน้าในภัททกัลป์นี้
ก็เสร็จสถิตในที่นั้นแล ย่อมตรัสเทศนาธรรมให้เทพยดาทั้งหลายฟังอยู่ทุกเมื่อบมิขาดแลฯ”
ขอบคุณขอมูลดีๆจาก Youtube: Triphummikata
ที่มา: วรรณคดีและประวัติวรรณคดี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น